หลังจากที่ Microsoft ออกแพตช์ด้านความมั่นคงปลอดภัยประจำเดือนเมษายนเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา พบว่าแพตช์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบกับซอฟต์แวร์ Antivirus หลายยี่ห้อ ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงหรือหยุดทำงานไปเลย
ซอฟต์แวร์ Antivirus ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ArcaBit, Avira, Avast, McAfee และ Sophos จากการตรวจสอบพบว่าคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ Antivirus ดังกล่าวสามารถทำงานได้ตามปกติจนกระทั่งเมื่อต้องล็อกอินเข้าเครื่อง ผู้ใช้หลายคนรายงานว่าใช้เวลาในการล็อกอินนานมากจนกว่าจะเข้าใช้งานได้ บางคนถึงขั้นเครื่องค้างไปเลยก็มี ปัญหานี้พบทั้งบน Windows 7, 8.1, Server 2008 R2, Server 2012 และ Server 2012 R2
อย่างไรก็ตาม การบูตระบบผ่าน Safe Mode ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้มีผู้ใช้หลายคนต้องใช้วิธีนี้เพื่อเข้าปิดการทำงานของ Antivirus ก่อนที่จะเข้าใช้งานตามปกติ ในขณะที่ Sophos เองก็ออกมาให้คำแนะนำว่า ให้เพิ่ม Directory ของ Sophos เข้าไปยังส่วนที่ไม่ต้องการให้ซอฟต์แวร์ทำการสแกน เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว
จนถึงตอนนี้ Microsoft ได้ทำการบล็อกการอัปเดตของ ArcaBit, Avira และ Sophos ชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะที่กำลังตรวจสอบการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ McAfee อยู่ ส่วน Avast ได้ให้คำแนะนำผู้ใช้ว่า ให้รออยู่ที่หน้าล็อกอินประมาณ 15 นาทีเพื่อให้ระบบทำการอัปเดตจากหลังบ้าน แล้วค่อยรีบูตเครื่องเพื่อเข้าใช้งานตามปกติ
Avast และ McAfee คาดว่า ต้นตอของปัญหาน่าจะมาจากการที่ Microsoft ทำการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลง CSRSS (Client/Server Runtime subsystem) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ Windows ในการประสานงานและบริหารจัดการ Win32 Applications ส่งผลให้ซอฟต์แวร์ Antivirus เกิดอาการ Deadlock เนื่องจากไม่สามถารเข้าถึงทรัพยากรบางอย่างได้
เครดิต techtalkthai.com